ไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมปาย ถึงเป็นอำเภอยิ้ม ก็ในเมื่อชาวบ้านทุกคน ยิ้มแย้มแจ่มใส
เป็นกันเอง ทักทายกันเหมือนพี่เหมือนน้อง เหมือนรู้จักกันมานาน แถมพี่ๆที่ร้าน เล็ก เล็ก ก็เอ็นดู
พวกเราเหมือนพี่น้องเลย
เอารูปนี้ลง
Hi5 เพื่อนหลายคนอยากมาจดทะเบียนสมรสที่นี่ (กะชาวปาย)
หลายๆคน อยากไปปาย เพราะเหตุผลของอากาศที่หนาวเย็น ชุมชนที่น่าอยู่ บรรยากาศที่หนาวเหมือนต่างประเทศ ภูมิประเทศที่สวยงาม ทำให้บางที หลงลืมไปด้วยซ้ำ ว่าปายเป็นเมืองหนึ่งในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ทำเอาหลายคนแทบจะไม่อยากกลับเข้าเมืองกรุงด้วยซ้ำ เพราะความมหัศจรรย์และความน่าประทับใจของสิ่งสวยงาม ผู้คนที่เป็นมิตร และสิ่งแวดล้อมที่น่ารักไปซะทุกอย่าง
การไปปายของคนที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว ส่วนใหญ่จะเลือกนั่งรถทัวร์จากกรุงเทพ ไปลงที่เชียงใหม่ ถ้าจะให้แนะนำ อยากให้เดินทางตอนกลางคืน ตอนเช้านั่งรถเที่ยวแรกไปปายได้เลย โดยนั่งรถตู้ ใช้เวลา 3 ชั่วโมง เที่ยวแรกขึ้นตอน 6.30 ต้องไปถึงขนส่งอาเขตตั้งแต่ 6 โมงเช้า สิ่งสำคัญที่ห้ามลืมคือ เข้าห้องน้ำก่อนขึ้นรถ เพราะรถขึ้นเขา อากาศหนาวด้วย โค้งเยอะด้วย เวลา 3 - 4 ชั่วโมง กลางทางไม่มีห้องน้ำให้เข้าแน่นอน ต้องเตรียมตัวให้ดี เพราะข้างทางก็มีแต่เขา กว่ารถตู้จะจอดแวะกลางทาง ก็ปาเข้าไปร่วมสองชั่วโมงแล้ว
นั่งรถตู้ รถบัส ก็ต้องมาลงที่นี่ ตอนแรกหาข้อมูลบอกว่ากลัวจะเมารถ กินยามาเตรียมไว้ ไม่เห็นเป็นไรเลย
แต่เพื่อนอีกคนที่เจอที่ท่ารถ นั่งหน้าข้างคนขับ หลับตาปี๋เลย
มาถึงปายตอน 9.30 ไม่สายเกินไป ไม่เข้าเกินไป ที่จะหาที่พัก เพราะหลายๆที่ก็เช็คเอ้าท์ก่อน 11 โมง ก็ยังพอมีเวลาเยอะพอสมควรที่จะไปเที่ยว
พอมาถึง เราก็ได้สัมผัสกับบรรยากาศดีๆ ได้ทราบจากพี่เล็ก (ร้านเล็ก เล็ก) เพิ่งรู้เหมือนกันว่า มาปาย ได้เที่ยวทุ่งทานตะวันด้วย (ทำให้นึกถึงวันเก่าๆ ที่ทุ่งทานตะวัน เขื่อนป่าสักเลย ฮือๆ)
หลังจากนั้น ก็ไปเที่ยวน้ำตาหมอแปง เสียดายที่มาหน้าหนาว น้ำตกไม่มีน้ำเลย แถมน้ำดำปี๋
จริงๆปายช่วงหน้าฝน น่าเที่ยวกว่าเยอะ หญ้าเขียวชอุ่ม ไม่แห้งแบบนี้
หลังทานข้าว แวะร้าน Fruit Factory แวะทานน้ำผลไม้สมูทตี้อร่อย กับรูปแบบการจัดร้านน่ารัก สดใส
ภาพแรกที่เห็นเป็นขาวดำ เพราะปรับค่า WB ผิดพลาดนิดหน่อย ทำให้กลายเป็นสีฟ้าทั้งภาพ เลยต้องแปลงเป็นขาวดำ ก็สวยไปอีกแบบ
บรรยากาศร้านน่านั่งมากๆ แต่เราชอบข้างนอก บรรยากาศดี
หลังจากนั้น ไปเที่ยวน้ำตกแพมบก
ดูน้ำสิ ตื้นแทบไม่มีน้ำเลย แต่น้ำก็เย็นจับใจจริงๆ
จากนั้นไป ปาย แคนยอน ที่จริงพี่เขาบอกว่า น่าจะมาตอนเย็นๆ มาดูพระอาทิตย์ตก เพราะมันสวยมาก
แต่นี่เราเล่นไปกันตอนบ่ายสาม ร้อนจริงๆ ต้องถอดเสื้อหนาว หมวก ออกหมด เพราะมันร้อนเอามากๆ
กองแลน ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Pai Canyon
ทางเดินขึ้นไป ปายแคนยอน มีป้ายภาษาอังกฤษเขียนด้วยมือเป็นระยะๆ
ลองมองลงมาด้านล่าง ได้วิวสวยไปอีกแบบ
ความสวยงามของ ปายแคนยอน คือวิว แต่กับทางเดินแคบๆแบบนี้ ทำเอาหน้ามืด ทั้งแดดร้อน ทั้งทางแคบ
ขออยู่ตรงนี้ ไม่เดินไปดีกว่า
ความสวยงามของวิว ทิวทัศน์ คือความมหัศจรรย์ของ Pai Canyon
สีสันยามค่ำคืนของปาย คือถนนคนปาย ที่ทุกคนมาเที่ยว กลางคืนจะต้องมาเดินชอปปิ้ง ซื้อของฝาก
หาบรรยากาศดีๆในถนนสายนี้
ร้านมิตรไทย ที่เพื่อนที่เคยมา บอกว่า ใครไปปาย
แล้วไม่แวะร้านนี้ ถือว่าไปไม่ถึง
แต่คนเยอะแบบนี้ ผมก็ไม่เข้าล่ะ
แถมร้านที่เราพักด้วย ก็ขายโปสการ์ดเหมือนกัน อุดหนุนพี่เค้าดีกว่า
ร้านโปสการ์ดสวยๆทั้งนั้น
ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ไปปาย ต้องเขียนโปสการ์ด เลยมีร้านสวยๆแบบนี้มากมายหลายร้าน
ที่อื่นก็มีโปสการ์ด แต่ทำไมไม่เป็นจุดสนใจแบบนี้นะ พอได้ไปจริงๆ ถึงบางอ้อ เพราะเวลาเขียนโปสการ์ด
จะรู้สึกถึงความหนาว เลือกรูปหนาวๆ เขียนบอกว่าอากาศเย็น ทำให้กลับมีความรู้สึกดีๆ จากโปสการ์ด